วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

เล่นหุ้นแบบนักเก็งกำไร


โดยที่ว่าการเล่นหุ้นแบบนักเก็งกำไรนั้นง่ายนิดเดียว คือให้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายไปเท่านั้น เมื่อไหร่จะซื้อได้ราคาต่ำ และเมื่อไหร่จะขายได้ราคาที่สูงกว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกจังหวะเข้าซื้อ และจังหวะขายได้ถูกต้อง แม่นยำกว่ากัน

ซึ่งการเล่นแบบนักเก็งกำไรนั้น จะไม่สนใจราคาหุ้นที่จะซื้อว่า เท่าไร ราคาแค่ไหนก็ซื้อได้ เพราะจะดูจังหวะเวลาที่ซื้อหุ้นขายหุ้นให้ เหมาะเท่านั้น  โดยแต่ก่อนที่นักลงทุนนั้นมักอาศัยแค่ความรู้สึก และประสบการณ์ของตัวเอง คะเนเอาเอง ถ้ารู้สึกว่าหุ้นราคาจะขึ้นก็จะซื้อ ถ้ารู้สึกว่าหุ้นราคาจะลง ก็จะขาย เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ก็มีราคาถูก การวิเคราะห์ทางเทคนิค (การนำกราฟและเครื่องมือทางสถิติต่างๆมาใช้ในการวิเคราะห์หุ้น) จึงเริ่มมีคนสนใจและแพร่หลาย บ้านเราก็ฮิตกันเมื่อ 2-3ปีมานี้เอง

โดยหลักการสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ สิ่งที่เคยเกิด ขึ้นในอดีตจะต้องเกิดขึ้นอีกในปัจจุบันและอนาคต หรือต้องเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตเป็นรูปแบบเช่นไร การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นในปัจจฺบันจะต้องเกิดในรูปแบบทำนองนั้นเสมอ

ทำไมหลักการที่ว่านี้จึงถูกต้อง ซึ่งมีนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ต้นตำราหลายสิบคนได้พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นจริงแล้ว

เหตุผลง่าย ๆ คือ เมื่อราคาหุ้นเป็นผลลัพธ์ของความต้องการซื้อและความต้องการขายของคน อารมณ์และความรู้สึกของนักเล่นหุ้น คือ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไป

ซึ่งในสถานการณ์หนึ่ง จะทำให้นักเล่นหุ้นมีอารมณ์และความรู้สึกอย่างหนึ่ง ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น และปริมาณการซื้อขายหุ้น ถ้าลองจดระดับราคาไว้บนกระดาษกราฟ จะเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต ซึ่งสะท้อนถึง สภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกของนักเล่นหุ้นในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี

โดยที่นักเล่นหุ้นเคยมีปฏิกริยาทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์ในอดีตเช่นไร ก็ควรจะต้องมีปฏิกริยาทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์ทำนองนั้นในปัจจุบัน และในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคนก็คือคน แม้จะต่างเวลากัน ก็จะไม่ต่างกันมากนัก

ดังนั้นเมื่อเราเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงราคาในอดีตว่า เป็นลักษณะใด ก็ควรสันนิษฐานต่อไปได้ว่า รูปแบบของการเปลี่ยน แปลงราคาในปัจจุบันและอนาคตควรจะอยู่ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนั้น

โดยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการนำเอาเครื่องมือทางสถิติ การคำนวณและการเขียนภาพและกราฟ มาประกอบกันเพื่อแสดงถึงรูปแบบในอดีต แล้วนำเครื่องมือเหล่านั้นมาคำนวณเพื่อชี้ให้เห็นถึงความน่าจะเป็นของรูปแบบในอนาคต การวิเคราะห์ทางเทคนิค บอกจังหวะ เวลาที่เหมาะสมจะซื้อ จังหวะเวลาที่เหมาะสมจะขาย และจังหวะเวลา ใดที่ควรอยู่เฉย ๆไม่ซื้อไม่ขาย

ซึ่งหลาย ๆ เครื่องมือของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะบอกแนวทางกว้างๆให้ หลายๆเครื่องมือจะชี้เฉพาะอย่างชัดเจน และหลายๆ เครื่องมือจะบอกจังหวะเวลาที่แตกต่างกัน ความคุ้นเคย และประสบการณ์ของผู้ใช้เครื่องมือเท่านั้นจะทำให้การอ่านความหมายได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด
 
 
 http://www.bidschart.com/
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น