วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

9 กฎเหล็กเซียนหุ้นโลกที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


ใครที่สนใจเล่นหุ้น คงเคยได้ยินชื่อเสียง วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ชาวมะกัน วัย 83 ปี คุณป๋าร่ำรวยจากการลงทุนในตลาดหุ้น จนอู้ฟู่เป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจเบิร์คเชียร์ ฮาธาเวย์ สร้างกำไรมหาศาลถึง 513.055% ตั้งแต่ปี 1964-2011


เซียนหุ้นระดับตำนานโลก ได้เปรียบสไตล์การลงทุนของตนเองว่า เหมือนสิงโตซุ่มในพงหญ้ารอตะครุบเหยื่อที่เข้ามาใกล้กรงเล็บ!! ทรรศนะนี้สะท้อนถึงสไตล์การวิเคราะห์หุ้นและเป็นแนวการลงทุนที่อดทน มุ่งเน้นการสร้างผลกำไรระดับน่าพอใจ โดยไม่เสี่ยงมากนัก ขณะเดียวกัน ก็ให้น้ำหนักกับพื้นฐาน และมูลค่าหุ้นแท้จริง ถือเป็นต้นแบบการลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ VI


ซึ่งในยามที่ตลาดหุ้นไทยดิ่งเหวลึก เพราะถูกฝรั่งเทขายจนเลือดไหลไม่หยุด ขอซับน้ำตาแมลงเม่าปีกหัก และนักลงทุนทุกสายพันธุ์ ด้วย 9 กฎเหล็กการลงทุนในตลาดหุ้นของ “คุณป๋าวอร์เรน” ถ้าเดินตามรอยนี้รับรองว่ารบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง!!


กฎข้อที่หนึ่ง อย่าปล่อยให้เงินต้นสูญเด็ดขาด ฟังดูเหมือนง่าย แต่ทำยาก เพราะถ้าซื้อขายหุ้นผิดจังหวะ ก็มีแต่ขาดทุน กระนั้น คุณป๋าเชื่อมั่นในการซื้อหุ้นแบบเน้นคุณค่า ไม่ได้ซื้อเพราะราคาหุ้น ด้วยเหตุนี้จึงเลือกซื้อหุ้นดีในราคาเหมาะสม ไม่ซื้อเพื่อเก็งกำไรเด็ดขาด


กฎข้อที่สอง อดทน...อดทน และอดทน การเล่นหุ้นต้องอาศัยความอดทนสูง และความมีวินัย คุณป๋าจะไม่มีวันซื้อไล่ราคาเพื่อให้ได้ครองหุ้นในฝัน แต่จะนั่งรอคอยด้วยความอดทนจนกว่าจะถึงเวลาเหมาะสม ค่อยลุยทีเดียว โดยไม่สนโอกาสทำกำไรระยะสั้น


กฎข้อที่สาม อย่าลงทุนในธุรกิจที่ไม่เราเข้าใจ ประเภททำธุรกิจอะไรยังไม่รู้ ห้ามยุ่งเด็ดขาด!! คุณไม่มีทางเชื่อมั่นในสิ่งที่ไม่เข้าใจลึกซึ้ง ความเชื่อมั่นและรู้จริงนี่เองจะช่วยให้ซื้อหุ้นถูกตัวในเวลาเหมาะสม


กฎข้อที่สี่ เป็นเรื่องดีกว่ามาก ถ้าเราจะซื้อหุ้นบริษัทยอดเยี่ยมในราคาปานกลาง เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นบริษัทปานกลางในราคาน่าพอใจ ราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวตามอารมณ์นักลงทุน และไม่ใช่ดัชนีบ่งชี้คุณค่าแท้จริงของหุ้น ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลงก็ช่าง ให้โฟกัสที่คุณค่าและพื้นฐานของหุ้น


กฎข้อที่ห้า ให้เลือกซื้อเฉพาะหุ้นที่คุณพอใจจะถือยาว หากตลาดหุ้นต้องปิดเป็นเวลา 10 ปี การใช้กฎข้อนี้จะทำให้ได้หุ้นคุณภาพ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยไม่ต้องคำนึงถึงราคาหุ้น


กฎข้อที่หก ให้รักเดียวใจเดียว คุณป๋าซื้อหุ้นตัวไหนก็จะเก็บเข้าพอร์ตยาวและช้อนซื้อเมื่อมีจังหวะ


กฎข้อที่เจ็ด เป็นเรื่องฉลาดที่เราจะคลุกคลีกับคนที่เก่งกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความถ่อมเนื้อถ่อมตนของคุณป๋า การจะเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จ ต้องทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมรับสิ่งใหม่ๆเสมอ


กฎข้อที่แปด เราควรกลัวในยามที่คนอื่นโลภ และควรโลภในยามที่คนอื่นกลัว ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความหวัง ความโลภ และความกลัว ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางราคาหุ้น ในยามที่นักลงทุนหวาดกลัว คุณป๋าจะเข้าซื้อบริษัทชั้นยอดในราคาถูก ซึ่งผ่านการศึกษาข้อมูลมาชัวร์ จนไม่หวั่นไหวกับราคาที่แกว่งตัว


กฎข้อที่เก้า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น ต้องใช้สมองผสมวินัยทางอารมณ์ การใช้สมองมาจากการทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆของหุ้น ขณะที่วินัยทางอารมณ์หมายถึงความสามารถในการรอจังหวะซื้อในราคาเหมาะสม คุณไม่ควรซื้อไล่ราคาในภาวะตลาดกระทิง และไม่ควรหวาดกลัวในภาวะตลาดหมี ลองฝึกควบคุมอารมณ์ เพื่อพัฒนาฝีมือการลงทุนไปอีกขั้น ถ้าใจไม่นิ่งทำอะไรก็พลาด!!


www.bidschart.com

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

สิ่งที่ต้องรู้ของนักลงทุน



นักลงทุนมือใหม่ที่กำลังหาเทคนิคที่จะเก็งกำไรในตลาดนักลงทุน วึ่งก่อนที่เราจะศึกษาแนวความคิดในการเลือกและวิเคราะห์หุ้นนั้น เราจะมาดูสิ่งที่ต้องรู้ของนักลงทุน อาจจะเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนได้อีกทางนึง โดยมีดังต่อไปนี้

  • นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้จักการขาดทุน ( อ่านวิธีลงทุนให้ประสบความสำเร็จที่นี่ )
  • ควรจะกำหนดจุด Cut loss(ตัดขาดทุน) ไว้เสมอ และต้องตัดใจขาย ( เช่น 8% )
  • ความอดทนคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสำเร็จ และอย่าท้อแท้
  • เรียนรู้เรื่องการลงทุนไม่ได้จบในข้ามคืน คุณต้องเรียนตลอดชีวิต
  • โดยสำหรับมือใหม่แล้วคุณควรจะเปิดพอร์ทเงินสดเท่านั้น พอร์ทมาร์จิ้นไม่ใช่ที่ทางของคุณแน่นอน นอกจากจะขาดทุนแล้ว ยังอาจเป็นหนี้เพิ่มได้อีก
  • เงินเริ่มต้นเพียงแค่ 5,000 บาทก็เพียงพอแล้ว ประสบการณ์ที่ได้มาสำคัญกว่า ยังไงคุณก็ต้องขาดทุนช่วงแรก
  • ให้ความสนใจในหุ้นคุณภาพไม่กี่ตัว คุณไม่ควรมีหุ้นยี่สิบตัวในพอร์ต นอกจากจะดูแลไม่ทั่วถึงแล้ว ยังทำให้คุณไม่เข้าใจสภาพบริษัทอีกด้วย
  • โปรดอย่าเอาอารมณ์มาใช้ในตลาดหุ้น เมื่อไหร่ที่คุณใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล นั่นคือการพนัน
  • หุ้นที่ดี ไม่เคยมีราคาต่ำ 
  • คุณควรวิเคราะห์ผลตอบแทนจากหุ้นของคุณเป็นประจำ เพื่อให้รู้ว่าการวิเคราะห์ของคุณเป็นยังไง
  • การผสมกันระหว่างพื้นฐานและเทคนิคหุ้น มักจะได้ผลดีกว่าการใช้เพียงอย่างเดียว
  • ซึ่งการวิเคราะห์พื้นฐานบริษัทก่อน ช่วยทำให้คุณมั่นใจว่าคุณถือหุ้นจากบริษัทที่มีคุณภาพจริงๆ
  • หุ้นที่ราคาขึ้นลงสูง แต่โวลุ่มต่ำ ไม่ถือว่ามีหลักนัยสำคัญอะไรเกี่ยวกับราคา
  • ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยตัวเอง
  • โดยหุ้นจำนวนมาก ไม่ว่าจะดีแค่ไหน มักจะตามเทรนด์หลักของตลาดเสมอ
  • โดยตลาดหุ้นในยามหมีเข้า มักจะซบเซา หุ้นตกจนถึงขึดสุด และเมื่อมันจะขึ้น คนจะไม่กล้าซื้อ
  • เทคนิคไม่ค่อยบอกอะไรสำคัญ สิ่งสำคัญคือการหาจุดจิตวิทยาของหุ้น เพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือลงแน่นอนแล้ว

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

การเลือกหุ้นดีๆมีวิธีอย่างไร



สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังหาวิธีหรือเทคนิคที่จะเก็งกำไรในตลาดนักลงทุน โดยวันนี้เรามีแนวความคิดในการเลือกและวิเคราะห์หุ้น โดยวันนี้เราจะเสนอวิธีการเลือกหุ้นดีๆ เพื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนได้อีกทางนึง เรามาดูกันเลยดีกว่า


มีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่สูตรที่ตายตัวในการหาหุ้นดีๆสักตัว มันง่ายมากที่คุณจะรวบรวมข้อมูลตัวเลขและข่าวทั้งหมดไว้ แต่การหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของหุ้นมากกว่าที่ยาก


โดยข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่วัดได้ยาก ข้อมูลจำพวกกำไร ค่า P/E นั้นหาได้ง่ายก็จริง แต่คุณจะหาข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น พนักงานบริษัท ข้อได้เปรียบของคุณแข่ง หรือเรื่องภายในบริษัทยังไง การหาหุ้นที่ดีจากข้อมูลเชิงคุณภาพและปริมาณนั้นทำให้การหาข้อมูลเป็นเรื่องทางนามธรรมมากๆ
เพราะมนุษย์เป็นคนเคลื่อนไหวตลาดหุ้น หุ้นมักไม่เป็นไปตามที่คุณคาดคิดไว้ อารมณ์ทำให้หุ้นเป็นสิ่งคาดเดาได้ยากและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเ้ร็วตลอดเวลา แน่นอนว่าเมื่อความมั่นใจเปลี่ยนเป็นความกลัว ตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในที่ๆน่ากลัวที่สุดในโลก


เมื่ออ่านถึงจุดนี้ คุณอาจจะถามตัวเองว่าแล้วใครจะเลือกหุ้นถูกละ ถ้ามันจะคาดเดาไม่ได้แบบนี้ จะเสียเวลาเป็นวันๆค้นหาหุ้นดีๆเพื่ออะไร คำตอบนั้นง่ายมาก ความมั่งคั่งไงครับ ถ้าคุณเลือกหุ้นได้ดี คุณสามารถเพิ่มความมั่งคั่งของคุณได้เป็นเท่าๆ ตัวอย่างง่ายๆในไทยก็เช่น PTT ตอนเข้าตลาดหุ้นนั้นราคาอยู่เพียงแค่ 35 บาท ปัจจุบัน 350 บาท ยังไม่รวมปันผลอีกด้วย หรือหุ้นในเร็วๆนี้เช่น ICHI ของอิชิตันที่เปิดตลาดด้วยราคา 13.5 บาท เพียงไม่กี่สัปดาห์ ราคาก็ได้ขึ้นไปถึง 28 บาทเป็นต้น หุ้นที่ขึ้นอย่างบ้าเลือดสุดๆ ก็เช่นหุ้น Microsoft ที่ใครถือตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อปี 1986 ผ่านไปเพียงแค่ 14 ปี ถ้าหากคุณลงทุน 10,000 บาท โดยปัจจุบันคุณจะได้กำไรถึง 3,500,000 บาท (นี่ไม่ใช่ราคาสูงสุดของหุ้นตัวนี้นะครับ) แน่นอนว่านักลงทุนทุกคนคงกำลังหาหุ้นดีๆแบบนี้อยู่ แต่อย่างที่ว่า มีเพียงแค่ 20% ของนักลงทุนที่กำไรนะครับ


http://www.bidschart.com/